‘ก้าวคนละก้าว’ ของตูน อาทิวราห์ คงมาลัยกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของภาพยนตร์ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช โดยวันนี้ (4 ก.ย.) ได้เปิดตัวในรอบกาล่า ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตูนและไก่ ณฐพล บุญประกอบผู้กำกับ ได้เผยถึงโปรเจคพิเศษนี้มาว่า
“เพราะว่าเป็นโปรเจกต์ที่เราทำกันมาอย่างยาวนานปีกว่าๆ แล้วก็ตั้งใจทำอย่างดีที่สุด นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผมด้วยครับ”ไก่ว่า
ซึ่งรูปแบบของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไก่ ณฐพล บอกว่าตนและทีมงาน ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยมุมมองที่มองว่ามันคือภาพยนตร์
“เรามองพี่ตูนเป็นตัวละคร เรามีโครงสร้างการเขียนบทแบบหนัง เรามีการถ่ายทำทั้งกล้องใช้ อุปกรณ์ที่ใช้ การตัดต่อ การวางเพลง ทำสีทำเสียงทุกอย่างในคุณภาพระดับภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้ามาดู ก็จะได้รับแรงบันดาลใจ ได้รับอารมณ์เหมือนที่เราดูหนังทั่วๆไปเลยครับ ไม่แพ้กันแน่นอนครับ”
แต่อุปสรรคในการถ่ายทำตลอด 55 วันนั้น ทีมงานถ่ายทำได้เจอเหมือนที่ทุกคนได้เห็นไปตลอดการเดินทางจากเบตงจนถึงแม่สาย
“เวลาที่มันไม่แน่นอน ของแต่ละวันที่ถ่าย บางทีเราวิ่งกันทั้งวันทั้งคืนเลย คนที่ถือกล้องถ่ายวันละ 10 ชั่วโมง สลับกันแค่ 2 คน ที่ถือกล้อง ผมมองว่าหนักมาก แล้ว 2 เดือน ที่เขาวิ่งไปด้วย แบกไปด้วย”ตูนว่า
“ผมว่ามันน่าจะสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้กับคนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ ไม่มากก็น้อย ผมเชื่ออย่างนั้น”
ก่อนที่ตูนจะบอกต่อว่า หนังเรื่องนี้ที่ทำให้ดูฟรีเพราะอยากใช้แทนคำขอบคุณหลายๆคน ที่ออกมาร่วมด้วยช่วยกันก้าว ในทั้ง 2 โครงการที่ได้ทำขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ-บางสะพาน หรือแม้กระทั่งเบตง-แม่สาย ก็ช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
“ใครเก็บแรงบันดาลใจดีๆได้เพื่อมาต่อยอดสร้างสิ่งดีๆให้กับตัวเอง ให้กับคนรอบข้าง อันนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่เป็นกำไรให้เราคิดว่ามันสวยงามมาก ถ้ามันจะเกิดขึ้นครับ”
“อีกส่วนหนึ่งที่คาดหวังไว้ก็คือ อยากจะบอกกล่าวเรื่องเรื่องของโรงพยาบาลศิริราช ที่ตอนนี้กำลังสร้างตึกนวมินทรบพิตร 84 พรรษาอยู่ ที่ยังต้องการแรงสนับสนุนจากพวกเราคนไทยอีกเป็นหลายพันล้าน ถึงจะทำให้ตึกนี้สำเร็จลงได้”
“ตึกนี้มีความพิเศษสำหรับผม 2 อย่างใหญ่ๆก็คือ เป็นตึกที่ช่วยดูแลผู้ป่วยยากไร้โดยเฉพาะ เป็นผู้ป่วยธรรมดาสามัญแบบเรา ไม่มีห้องวีไอพี อีกอย่างหนึ่ง ตึกนี้จะเป็นตึกสุดท้ายที่เป็นตึกที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานชื่อให้เป็นตึกสุดท้าย มันมีความหมายกับผมมาก และผมเชื่อว่ามีความหมายกับพวกเราคนไทยมาก”
ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่คนไทย จะได้มีส่วนร่วมคนละเล็กคนละน้อย เพื่อให้ตึกนี้สำเร็จและอยู่คู่กับเมืองไทย
“ก็คิดว่าอยากจะได้กำลังใจ อยากจะได้พลังจากพี่น้องคนไทยให้มากที่สุดนะ ยังไม่รู้หรอกว่ามันจะจบที่เท่าไหร่ แต่ว่าโครงการนี้จะทำไปโดยระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันนี้ไปจนสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์”
“เราจะใช้หนังเรื่องนี้แหละเป็นตัวบอกเล่า เป็นตัววิ่งแทนเรา เราไม่ได้ออกวิ่งเองแล้วครั้งนี้ เราใช้หนังเรื่องนี้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ออกไปตามต่างจังหวัดด้วย ก็คาดหวังว่าไม่มากก็น้อย ก็คงจะทำให้ตึกนี้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดครับ”ตูน